Review: One Piece World Seeker
One Piece World Seeker จัดว่าเป็นเกมแรกของซีรีส์ที่ระบุเป็นเกมประเภทเปิดโลกกว้าง ซึ่งพัฒนาโดยทีมงาน Ganbarion ที่อดีตเคยสร้างผลงานเกมซีรีส์ One Piece มาหลายภาคตั้งแต่แพลตฟอร์มยุค PS2 แล้วเกมนี้จะสามารถตอบโจทย์ให้เกมเมอร์แฟนมังงะเรื่องนี้ได้หรือไม่ มาพบกับบทความรีวิว One Piece World Seeker ครับ
Story / Presentation
คุณภาพเนื้อเรื่องของเกมนี้จัดว่าอยู่เกณฑ์ระดับมาตรฐาน ถ้าหากใครติดตามหรือเป็นแฟนของเรื่อง One Piece มานานจะเข้าใจถึงองค์ประกอบด้านการดำเนินเนื้อเรื่องโดยรวมไม่ยาก เพราะเนื้อเรื่องของเกมนี้ถูกเขียนบทโดยผู้ให้กำเนิดทังงะอย่างอาจารย์ Eiichiro Oda และการออกแบบตัวละครใหม่ก็ผ่านจากฝีมือของเขาเช่นกัน
และเนื้อเรื่องของ One Piece World Seeker จะเป็นการเล่าเรื่องราวชนิดใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในมังงะมาก่อน ทำให้ผู้เล่นทุกคนสามารถสนุกสนานกับเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก แต่ผู้เล่นอาจจะอินกับเนื้อหามากกว่านี้ ถ้าเข้าใจเนื้อหาของตัวละครในจักรวาลของ One Piece
ส่วนการออกแบบแผนผังของโลก Prison Island ก็มีรายละเอียดลึกเช่นกัน แต่ล่ะเมืองจะมีภูมิประเทศและการนำเสนอแตกต่างกัน ถึงแม้บางส่วนของแผนที่อาจมีการ Copy + Paste อยู่บ้าง แต่โดยรวมยังถือว่าดูดีและยอดเยี่ยม
แอนิเมชันของลูฟี่ มีความประณีตจนน่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, การผาดโผน, การต่อยตี และการปล่อยท่าไม้ตาย จะมีความลื่นไหลเป็นธรรมชาติ สมกับมาตรฐานเกมญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญในส่วนนี้มานาน
แต่แล้วก็มาถึงจุดบกพร่องที่ร้ายแรง คือเกมนี้ขาดองค์ประกอบความเป็นเกมของเปิดโลกกว้างอย่างร้ายแรง เพราะไม่ว่าจะเป็นเมืองเล็กหรือเมืองชนบท สิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์, สัตว์ป่า, หรือสัตว์เลี้ยง แทบจะไม่มีหลงเหลืออยู่บนโลกของ Prison Island ทำให้พื้นที่ของเกมรู้สึกขาดเกิน หรือไม่มีแม้กระทั่งร้านค้าขายไอเทม, เงินเพื่อใช้จ่ายซื้อของ, มินิเกมเสริม, การเข้าถึงอาคารสถานที่ ทำให้โลกของเกมไม่มีชีวิตชีวา ทั้งที่โลกของเกมมีความสวยงามแท้ ๆ
นอกเหนือจากนี้ แม้ว่าบทเนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ แต่การดำเนินเนื้อเรื่องขาดความน่าดึงดูดอย่างมาก เพราะการสนทนาของเกม (นอกเหนือจากฉากคัตซีน) จะใช้เป็นลายลักษณ์อักษรแทนการเล่าเรื่อง และไม่มีเสียงพากย์ของตัวละคร แต่บางครั้งจะส่งเสียงแปลก ๆ เช่น ‘เอ๋! ‘ ‘ฮี่ฮี่‘ หรือ ‘เป็นอะไรไหม’
ทำให้การนำเสนอเนื้อเรื่องของเกมนี้ที่น่าสนใจอยู่แล้ว ถูกทำให้แบนราบ เนื่องจากผู้เล่นไม่รู้สึกอินกับเนื้อหาหรือผูกพันต่อลูฟี่กับเพื่อนพ้อง และรู้สึกแคร์ตัวละครใหม่เท่าที่ควร เพราะไม่มีเสียงพากย์มาช่วยประคองน้ำหนักการเล่าเรื่อง และขาดความน่าจดจำไปอย่างน่าเสียดาย
Gameplay
ส่วนของเกมการเล่นเกม One Piece World Seeker จัดว่า ตกยุค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับระบบต่อสู้ที่เรียบง่ายเกินไป
ระบบการต่อสู้จะแบ่งออกเป็นการโจมตีสี่รูปแบบ คือโจมตีเบาเน้นความรวดเร็ว (สีฟ้า) , โจมตีหนักเป็นวงกว้าง (สีแดง) ซึ่งลักษณะการใช้งานไม่แตกต่างมากนัก คือผู้เล่นจะออกท่าโจมตีจาก การกดปุ่มสี่เหลี่ยมปุ่มเดียว ยกเว้นแต่การโจมตีระยะไกลด้วยการเล็ง R2 แล้วยิงหมัดยางยืดด้วยการปุ่มสี่เหลี่ยมเหมือนเดิม กับกด R1 ค้างเพื่อเลือกใช้ท่าไม้ตายต่าง ๆ
ข้อดีคือทำให้เกมเล่นง่ายมาก แต่เนื่องจากตัวเกมไม่ใส่ระบบแคนเซิลท่าโจมตี (สามารถยกการ์ดหรือหลบหลีกในระหว่างการต่อสู้) ทำให้การตั้งการ์ดป้องกันรู้สึกไร้ค่า แล้วลงเอยด้วยการรัวปุ่มสี่เหลี่ยมรัว ๆ โดยไร้การวางแผน ไม่ว่าเป็นการปะทะศัตรูประเภทไหน หรือบอสโหดแค่ไหน กดสี่เหลี่ยมปุ่มเดียวสามารถปราบได้เกือบทั้งเกมแล้ว
ถึงแม้ระบบ Skill Tree ของเกมจะช่วยส่งเสริมความหลากหลายในการใช้กระบวนท่าต่อสู้มากขึ้น แต่สุดท้ายก็ลงเอยอยู่ที่การรัวปุ่มสี่เหลี่ยมอย่างเดียวตลอดการต่อสู้อยู่ดี
ระบบโครงสร้างมิชชั่นหลักกับมิชชั่นเสริมก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์ ส่วนใหญ่มิชชั่นหลักจะเป็นการเดินทางไปจุด A สู่จุด B แล้วอัดศัตรูทุกอย่างที่ขวางหน้า แม้ว่าแผนที่ของเกมส่วนใหญ่มีความกว้างใหญ่พอที่จะ Stealth ได้อยู่บ้าง แต่สำหรับเกมเมอร์สายเลือดร้อนอย่างผู้เขียนจะเลือกบุกเข้าไปตรง ๆ เลยดีกว่า เพราะระบบ Stealth ไม่ค่อยมีลูกเล่นแปลกใหม่
ส่วนมิชชั่นเสริม ส่วนใหญ่จะเป็นการไล่ตามหาไอเทมที่กำหนดไว้ โดยรางวัลเป็นอุปกรณ์สวมใส่เพื่อบัฟค่าสถานะแก่ลูฟี่ โดยไอเทมดังกล่าวอาจมีค่าในช่วงเริ่มต้นของเกม แต่ถ้าหากผู้เล่นต้องการเก็บ Progress ครบ 100% ก็คงต้องอดทนกันเสียหน่อย
บางตัวละครในเกมจะมีระบบ Karma List หากผู้เล่นสามารถทำตามเงื่อนไขครบ 100% ผู้เล่นจะได้รับการปลดคัตซีนพิเศษสำหรับตัวละครนั้น แต่ Objective ส่วนใหญ่จะเป็นการดำเนินเนื้อเรื่องหลักกับทำเควสเสริม ซึ่งก็อาจจะพอช่วยให้ผู้เล่นผลักดันเล่นเกมจนจบบริบูรณ์
ด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่กล่าวมา ทำให้เกมเพลย์ของ One Piece World Seeker รู้สึกน่าเบื่อกับแบนราบ เพราะการออกแบบมิชชั่นไม่ค่อยสร้างสรรค์ และเล่นง่ายเกินไปจนขาดความท้าทาย แต่ยังคงเล่นพอสนุกสนานได้อยู่บ้าง
Graphic / Performance
นี่อาจเป็นสิ่งที่เขียนประทับใจมากที่สุดของเกม One Piece World Seeker คือ ภาพกราฟิกฉากหลังของเกมมีสีสันสดใสมาก ไม่ฉูดฉาดแต่สวยงาม สีเขียวคือเขียวขจีสุด, สีแดงคือแดงจ้ามาก ซึ่งทั้งหมดเป็นเพราะตัวเกมใช้ขุมพลังกราฟิกด้วย Unreal Engine 4 ที่มีคุณสมบัติประมวลผลภาพมีสีสดและวิชวลเอฟเฟคสวยงามตะการตา
สำหรับความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่าสไตล์การใช้สีแบบนี้มีความเหมาะสมสำหรับเกมสไตล์อนิเมะญี่ปุ่น ไม่พ้นแม้แต่ One Piece World Seeker เพราะว่าเกมนี้มีต้นฉบับมาจากงานศิลปะมังงะ และผู้เล่นไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะรู้สึกแสบตาเหมือนกับการเล่น Jump Force เพราะว่าตัวเกมไม่ได้วินาศสันตะโรเท่ากับเกมดังกล่าว
ส่วนที่ผู้เขียนต้องยกนิ้วให้ คือเรื่องประสิทธิภาพด้าน Draw Distance ที่สามารถตัดจับภาพได้ไกลเทียบเท่ากับเกมระดับ AAA หลายเกม ทำให้โลก Prison Island ซึ่งมีความสวยงามอยู่แล้ว มันยิ่งบัฟให้โลกของเกมมีความสวยงามเป็นธรรมชาติมากขึ้นเป็นทวีคูณ
เพราะฉะนั้น เรื่องของภาพกราฟิกของเกม One Piece World Seeker โดยรวมแล้ว ผู้เขียนสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า นี่เป็นเกมอนิเมะที่มีภาพสวยที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา ซึ่งก็แอบเสียดายเบา ๆ เหมือนกัน ที่ตัวเกมไม่ได้แถมระบบ Photo Mode เข้ามาด้วย เพราะผู้เขียนเชื่อว่าเกมเมอร์จะใช้เวลากับการถ่ายภาพ มากกว่าการเล่นเกมซะอีก
ส่วนเรื่องของ Perfomance ไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงซะเท่าไหร่นัก เพราะตัวเกมสามารถวิ่งลื่นระดับ 1080p 30 fps สำหรับเครื่อง PlayStation 4 Pro
โดยตลอดการเล่นเกม ผู้เขียนยังไม่พบกับปัญหาด้านประสิทธิภาพหรือบักใด ๆ ทั้งสิ้น ข้อเสียมีเพียงอย่างเดียว คือเวลาโหลดเข้าสู่เกม หรือ Fast Travel ข้ามเมืองอาจใช้เวลาโหลดนานสักนิด โดยผู้เขียนสามารถจับเวลาโหลดใช้ระยะเวลาประมาณ 35 วินาที ซึ่งทำเวลาไม่ได้แย่มากนัก แต่ควรทำได้ดีกว่านี้สักนิดหนึ่ง
0 item total: 0 บาท |